หลักสูตรที่เน้นเนื้อหาวิชาเป็นศูนย์กลาง
๑. หลักสูตรแบบรายวิชา เก่าแก่ที่สุดและเป็นที่รู้จักกันดีที่สุด เชื่อว่าสิ่งที่ทำให้มนุษย์ แตกต่างจากสัตว์อื่นๆ ก็คือ
สติปัญญาและการค้นคว้าหาความรู้ ไม่คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและ ผู้เรียน ความรู้ที่ได้แยกเป็นส่วนๆ
เน้นที่ความจำ รายวิชาไม่สัมพันธ์กับชีวิตจริงของผู้เรียน นักเรียนเป็นผู้รับรู้
แต่เพียงอย่างเดียว
๒. หลักสูตรแบบสาขาวิชา ปัจจุบันยังคงมีใช้อยู่ในระดับประถม
มัธยมศึกษาและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับอุดมศึกษา เน้นความรู้เฉพาะในสาขาวิชาของตน
จะต้องศึกษาโครงสร้างพื้นฐานของสาขาวิชา
ผู้เรียนปรับตัวเข้าหาหลักสูตร สนใจแต่นักเรียนที่เก่ง ไม่สนใจข้อมูลอื่นที่ไม่สามารถจัดเข้าเป็นสาขาวิชาได้
๓. หลักสูตรแบบรวมวิชา เป็นหลักสูตรแบบบูรณาการ
รวมหรือผสมผสานรายวิชาที่เกี่ยวข้องกัน
ตั้งแต่ ๒ รายวิชาขึ้นไปเข้าเป็นสาขาวิชาเดียว (วิทย์ทั่วไป ประกอบด้วย
คณิตศาสตร์ เคมี ชีววิทยา ฟิสิกส์)
๔. หลักสูตรแบบสัมพันธ์วิชาหรือสหสัมพันธ์ มีความสัมพันธ์กันระหว่างรายวิชานั้น ๆ
หลักสูตรนี้ประสบความสำเร็จได้ยาก เพราะครูในชั้นเรียนประถม มักสอนคนเดียว
ระดับมัธยม ครูสอนแยกแต่ละวิชาไม่มีเวลาพอที่จะทำงานเป็นทีมร่วมกับครูอื่นๆ
กิจกรรมการเรียนรู้
องค์ประกอบด้าน “การจัดการเรียนรู้” นับว่าเป็นองค์ประกอบหลักที่แสดงถึงการเรียนรู้อย่างเป็นรูปธรรม
ประกอบด้วย ความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายที่แท้จริงของการเรียนรู้ บทบาทของครู
และบทบาทของผู้เรียน การจัดการเรียนการสอนโดยให้ผู้เรียนเป็นสำคัญจะทำได้สำเร็จเมื่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน
ได้แก่ ครู และผู้เรียน
มีความเข้าใจตรงกันเกี่ยวกับความหมายของการเรียนรู้ ดังสาระที่ ทิศนา แขมมณี (2544) ได้กล่าวไว้ดังนี้
1.
การเรียนรู้เป็นงานเฉพาะบุคคล ทำแทนกันไม่ได้
ครูที่ต้องการให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ต้องเปิดโอกาสให้เขาได้มีประสบการณ์การเรียนรู้ด้วยตัวของเขาเอง
2.
การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางสติปัญญาที่ต้องมีการใช้กระบวนการคิด สร้างความเข้าใจ
ความหมายของสิ่งต่างๆ
ดังนั้นครูจึงควรกระตุ้นให้ผู้เรียนใช้กระบวนการคิดทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ
3. การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางสังคม เพราะในเรื่องเดียวกัน อาจคิดได้หลายแง่ หลายมุมทำให้เกิดการขยาย เติมเต็มข้อความรู้
ตรวจสอบความถูกต้องของการเรียนรู้ตามที่สังคมยอมรับด้วย
ดังนั้นครูที่ปรารถนาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จะต้องเปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับบุคคลอื่นหรือแหล่งข้อมูลอื่นๆ
4.
การเรียนรู้เป็นกิจกรรมที่สนุกสนาน เป็นความรู้สึกเบิกบาน
เพราะหลุดพ้นจากความไม่รู้
นำไปสู่ความใฝ่รู้ อยากรู้อีก เพราะเป็นเรื่องน่าสนุก
ครูจึงควรสร้างภาวะที่กระตุ้นให้เกิดความอยากรู้หรือคับข้องใจบ้าง
ผู้เรียนจะหาคำตอบเพื่อให้หลุดพ้นจากความข้องใจ และเกิดความสุขขึ้นจากการได้เรียนรู้ เมื่อพบคำตอบด้วยตนเอง
5.
การเรียนรู้เป็นงานต่อเนื่องตลอดชีวิต ขยายพรมแดนความรู้ได้ไม่มีที่สิ้นสุด
ครูจึงควรสร้างกิจกรรมที่กระตุ้นให้เกิดการแสวงหาความรู้ไม่รู้จบ
6.
การเรียนรู้เป็นการเปลี่ยนแปลง
เพราะได้รู้มากขึ้นทำให้เกิดการนำความรู้ไปใช้ในการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ
เป็นการพัฒนาไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
ครูควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้รับรู้ผลการพัฒนาของตัวเขาเองด้วย
จากความหมายของการเรียนรู้ที่กล่าวมา
ครูจึงต้องคำนึงถึงประเด็นต่างๆ ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ดังนี้
(1)
ความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียน
(2)
การเน้นความต้องการของผู้เรียนเป็นหลัก
(3)
การพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้เรียน
(4)
การจัดกิจกรรมให้น่าสนใจ ไม่ทำให้ผู้เรียนรู้สึกเบื่อหน่าย
(5)
ความเมตตากรุณาต่อผู้เรียน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น